บังหนาบ จากอดีต “เด็กเกเร” สู่เจ้าของฟาร์มมุกแห่งท้องทะเลอันดามัน

บังหนาบ จากอดีต “เด็กเกเร” สู่เจ้าของฟาร์มมุกแห่งท้องทะเลอันดามัน-2

บังหนาบ  จากอดีต “เด็กเกเร” สู่เจ้าของฟาร์มมุกแห่งท้องทะเลอันดามัน

            เกาะนาคาใหญ่เป็นเกาะเล็กๆที่มีความงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์แห่งท้องทะเล และเกาะแห่งนี้ยังเป็นเกาะที่มีฟาร์มมุกขนาดใหญ่ถึง 5 ไร่  และยังได้รับใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงมุกได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย มีเอกสารรับรองจากประมงจังหวัดภูเก็ต  รายได้ส่วนหนึ่งของฟาร์มมุกแห่งนี้ยังสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกด้วย

     บังหนาบ หรือ นายมงคล ปราบทุกข์ เจ้าของ บริษัท อันดามัน คอมมูนิตี้ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด หรือ  ประธานชมรมฟาร์มมุกเกาะนาคาใหญ่ เล่าว่า 40 กว่าปี ที่ตนค้นคว้าเรื่องการเลี้ยงมุก กว่าจะได้เป็นมุกและประสบความสำเร็จเหมือนในปัจจุบันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย 

บังหนาบ หรือ นายมงคล ปราบทุกข์ เจ้าของ บริษัท อันดามัน คอมมูนิตี้ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด

“ตอนนั้นเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่เกเร  ไม่เอาไหนเรื่องงาน ต่อมาได้ไปทำงานกับฟาร์มเลี้ยงมุก กับชาวต่างชาติ ด้วยเราเป็นคนที่อยากรู้ ชอบจดจำสิ่งต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราตั้งเป้าไว้เลยว่าต้องเป็นเจ้าของฟาร์มมุกให้ได้ นั้นคือคำเหยียดหยามคนไทย จากชาวต่างชาติ ทำให้เราคิดว่าต้องทำให้ได้ ต้องเป็นเจ้าของฟาร์ม มีฟาร์มเลี้ยงใข่มุกเองให้ได้ นั้นคือจุดเริ่มต้นที่เราคิดไว้ ”

จากจุดเริ่มต้นดูเหมือนว่าจะไปได้ดี แต่ระหว่างทาง มีขวากหนามขวางกั้นมากมายจนทำให้ทุกอย่างต้องชะงักลง

“เราไม่มีทุน ไม่มีอะไรเลย  หลังจากนั้นมาคุยกับพ่อ ขอเงิน 400,000 เอาไปสั่งซื้อหอยทั้งหมดเพื่อทำมุก ซื้อมา 100,000 ตัว สามารถผ่าตัดได้มุกทั้งหมด 50,000 เม็ด ส่งขายบริษัทที่ส่งออกไปต่างประเทศโดนโกง ได้เงินกลับมา แต่ทำให้ขาดทุนทั้งหมด”

แต่ด้วยความอยากเอาชนะ และอยากลบคำสบประมาท เกิดเป็นแรงสู้ขึ้นมาอีกครั้ง

“ต่อมาก็หาเงินเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ก็คิดว่าถ้าเพาะเลี้ยงมุกขึ้นมาแล้วจะขายที่ไหน เลยคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้การท่องเที่ยวเข้ามาในชุมชุน จึงคิดขึ้นมาว่าจะทำท่องเที่ยวชุมชุนขายทุกอย่างรวมถึงมุกที่เราเลี้ยงเองบนเกาะแห่งนี้ด้วย”

จึงทำให้เกิดเป็นการท่องเที่ยวชุมชนบนเกาะนาคาใหญ่แห่งนี้

                 เป็นเวลา 40 กว่าปี แห่งความมานะบากบั่น  ทำให้วันนี้ฟาร์มมุกแห่งนี้กลายเป็น “ฟาร์มมุกแห่งท้องทะเลอันดามัน” ฟาร์มมุกน้ำเค็มที่มีการเลี้ยงจากธรรมชาติ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เกาะนาคาใหญ่ ยังคงรอคอยนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน เยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงมุก ตามวิถีธรรมชาติ ยังสามารถเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มมุก และเลือกซื้อเครื่องประดับจากมุกแท้ อันเป็นการสร้างงานและกระจายรายได้กลับคืนสู่ชุมชุน

 

 

 

ผลงานของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ
น.ส. ปนิดา ชูอ่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.