หรอยๆ ของกินภูเก็ตหรอยๆ มาลองกันต๊ะ มาต๊ะๆ คราวนี้ ชวนมาชิมเมนูเด็ดที่หาชิมได้เฉพาะที่ภูเก็ตเท่านั้น เมนูนั่นคือ โอต๊าว
โอต๊าวหรือ โกต๊าว เป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ตแบบอาหารจานเดียว ทานเล่นแต่อิ่มจริง คนภูเก็ตมักกินโอต๊าวเป็นอาหารว่างมื้อบ่าย หรือมื้อค่ำ ไปจนถึงมื้อก่อนนอน ถ้าสงสัยว่าโอต๊าวหน้าตาเป็นแบบไหน ก็คล้ายๆ หอยทอดนั่นไง แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว โอต๊าวเป็นเมนูที่อุดมไปด้วยแป้ง ผัดกับหอย ไข่และน้ำมัน คำณวนแล้วแคลอรี่กระฉูด แต่สายเฮลตี้อย่าเพิ่งส่ายหน้า เอาน่ะ ลองชิมก่อนแล้วค่อยไปเบิร์นออกทีหลังเนอะ อิอิ
ส่วนผสมหลักๆ ของโอต๊าว ได้แก่ แป้งสาลีผสมแป้งมัน หอยติบ หรือหอยนางรมตัวเล็ก ซึ่งถือเป็นนางเอกของจานนี้ ไข่ เผือกหั่นเป็นชิ้นเล็กขนาดลูกเต๋า เพิ่มรสเผ็ดนิดๆ ด้วยพริกบดละเอียดจนเป็นน้ำ โอต๊าวเป็นสตรีทฟู้ด ร้านโอต๊าวมักเป็นร้านรถเข็น หรือร้านริมทาง ผัดกันทีกลิ่นหอมโชยเรียกแขกเป็นอย่างดี อรรถรสของโอต๊าวจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นถ้าเราได้ไปยืนดูแม่ค้าผัดโอต๊าว รับรองว่าต้องมีการกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กระทะแบนเคลียด้วยน้ำมันร้อนๆ เจอกับน้ำแป้งสาลีผสมแป้งมันเสียงดังฉ่า ตอกไข่ลงไปสมทบ เจาะไข่แดงให้แตกแล้วคลุกเคล้าให้ไข่เข้าเป็นเนื้อเดียวกับแป้ง เสียงชิ้ง ชั้ง ชิ้ง ชั้ง ของตะหลิวตีกับกระทะ ราวจอมยุทธ์ฟาดฟันกระบี่ พอแป้งเริ่มสุก ราดน้ำพริกสดป่นเพิ่มความร้อนแรง ตามด้วยเผือก แล้วเทหอยติบตัวอวบลงไป ละเลงให้ทุกสิ่งผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว ปิดจ๊อบด้วยกากหมูสับหยาบๆ โปรยลงไป คลุกเคล้าอีก 2-3 ที ตักใส่จาน เสิร์ฟ กลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ ถือตะเกียบนั่งรอโซ้ยได้เลย
โอต๊าวต้องกินตอนร้อนๆ เพราะแป้งกำลังนิ่ม หอยติบเนื้อกำลังเด้ง เคี้ยวหนึบหนับเคล้ากับเผือกและกากหมูกรอบกรุบ เคียงด้วยใบกุยช่ายและถั่วงอก รสมัน เค็ม หวาน เผ็ดนิดๆ พอมีสีสัน ถ้าไม่ชอบกินเผ็ดบอกแม่ค้าไม่ใส่พริกก็ได้ แต่ถ้าชอบเผ็ดๆ บอกแม่ค้าเพิ่มพริกก็ได้เช่นกัน หรืออยากกินแบบพิเศษใส่ซีฟู้ดสดๆ เติมกุ้ง ปลาหมึก เพิ่มความฟินก็มีหลายเมนูให้เลือก
ร้านขายโอต๊าวมีอยู่ทั่วไป ร้านดั้งเดิมที่อยากแนะนำก็เช่น ร้านโอต๊าวตรงข้ามศาลเจ้าพ้อต่อก๊ง ในซอยตะกั่วทุ่ง ร้านนี้เป็นรถเข็น ขายตั้งแต่สายๆ จนตอนเย็นจะเข็นรถเข็นออกมาจอดขายที่หน้าโรงเรียนเทศบาลบ้างบางเหนียว อร่อยกันได้ยาวๆ จนถึงค่ำๆ อีกร้านคือร้านโอต๊าวจี้เปี่ยน หลังมูลนิธิกุศลธรรม ถนนพูนผล ซอย 7 ร้านเล็กๆ แต่เห็นชัด ขายตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม เมนูนี้เด็ด ลองไปชิมต๊ะ เราแนะนำ รับรองจะต้องร้องว่า หร้อยๆ แน่นอน