อาหารคือศิลปะที่สะท้อนรสนิยมและความคิดสร้างสรรค์ Fine Dining จึงเป็นมากกว่าการรับประทานให้อิ่มท้อง แต่เป็นการเสพย์ศิลปะแห่งการปรุงอาหาร ยิ่งถ้าคุณคือคนหนึ่งที่หลงรักอาหารพื้นเมืองภูเก็ต อาจจะมีโอกาสเคยได้ลิ้มรส หรือเคยได้ยินชื่อเสียงอาหารพื้นเมืองของภูเก็ต ในฐานะเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร จากการรับรองของ UNESCO คุณจะยิ่งว้าวกับการนำเสนออาหารพื้นเมืองภูเก็ตของภัตตาคารบลูเอเลเฟ่นท์ภูเก็ต ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งของรสชาติที่ไม่ควรพลาดมาลิ้มลอง
เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ร่วมก่อตั้งภัตตาคารบลูเอเลเฟ่นท์ และเป็นผู้ครีเอทเซตเมนูเพอรานากันภูเก็ต ได้เล่าถึงความตั้งใจนำเสนออาหารพื้นเมืองในอีกระดับว่า “เมื่อมาเปิดสาขาของบลูเอเลเฟ่นท์ที่ภูเก็ต ทำให้มีโอกาสรู้จักกับอาหารเพอรานากันภูเก็ต ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจมาก ที่นี่เรามีอาหารพื้นเมืองหลายเมนูบริการเสิร์ฟให้ลูกค้าได้รับประทาน เช่น แกงกะทิเนื้อปูซึ่งเป็นที่นิยมมาก กระทั่งเราได้รับการสนับสนุนจากสมาคมเพอรานากันภูเก็ต ในการสืบสานสูตรดั้งเดิมของอาหารเพอรานากันภูเก็ต ทางสมาคมฯ ได้เชิญแม่ครัวกิตติมศักดิ์ ซึ่งเป็นรุ่นคุณป้าคุณยายที่ทำอาหารพื้นเมืองมาอย่างช่ำชอง มาถ่ายทอดวิธีปรุงอาหารหลายๆ เมนู โดยเฉพาะเมนูที่หารับประทานยากในปัจจุบัน เช่น แกงตูมี้ จูจี้ป้าว ท่านได้บอกเคล็ดลับต่างๆ ที่เป็นสูตรเก่าแก่ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์อาหารพื้นเมืองภูเก็ตและเป็นเกียรติอย่างมากที่บลูเอเลเฟ่นท์ได้รับความไว้วางใจในฐานะภัตตาคารและโรงเรียนสอนทำอาหาร ดิฉันได้นำสูตรการปรุงอาหารเหล่านั้นมาพัฒนาต่อยอด เพื่อยกระดับอาหารพื้นเมืองภูเก็ตให้สามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้มากขึ้น โดยดึงเอาจุดเด่นของอาหารแต่ละอย่างมานำเสนอให้น่าสนใจยิ่งขึ้นในรูปแบบของไฟน์ไดนิ่ง ซึ่งพิถีพิถันตั้งแต่การปรุง วัตถุดิบ รสชาติ ไปจนถึงการเสิร์ฟ รับประทานคู่กับไวน์ไทยเกรดพรีเมี่ยม ในบรรยากาศของคฤหาสน์พระพิทักษ์ชินประชาอันเก่าแก่ของภูเก็ต ยกระดับอาหารพื้นเมืองภูเก็ตให้หรูหราและน่าสนใจขึ้น”
ด้วยความรู้และประสบการณ์การปรุงอาหารและการเป็นนักชิมที่สะสมมายาวนานกว่า 38 ปี เชฟนูรอทำงานอย่างหนักในการจับคู่เมนูที่จะรับประทานคู่กันแล้วลงตัว คัดเลือกวัตถุดิบ คิดค้นวิธีการปรุงใหม่ๆ มานำเสนอ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการตกแต่งจานให้อาหารดูโดดเด่นน่ารับประทาน เหมือนอาหารเป็นงานศิลปะ อาหารเพอรานากันภูเก็ตทั้งเมนูที่หลายๆ คนคุ้นเคย อย่างหมูฮ้อง น้ำพริกพื้นเมือง และเมนูหายากอย่าง จูจี้ป้าว แกงตูมี้ กุ้งสัมบ่ายกอเล้ง ต่างถูกคัดสรรมาเสิร์ฟตามลำดับเหมือนบทเพลงที่ร้อยเรียงด้วยทำนองที่ลงตัว
เริ่มต้นด้วยจานแรก จูจี้ป้าวและลูกชิ้นภูเก็ต จูจี้ป้าวรสนุ่มเสิร์ฟคู่กับลูกชิ้นภูเก็ตหรือทอดมันปลารสเผ็ดนิดๆ เป็นการจับคู่ที่ลงตัวสำหรับการเริ่มต้น ก่อนเมนู Appetizer กุ้งสัมบ่ายกอเล้งเสิร์ฟในมะพร้าวอ่อน จะยกออกมาให้ลิ้มลอง กุ้งลายเสือเนื้อแน่นผัดกับกะปิและกะทิ เสิร์ฟบนเนื้อมะพร้าวอ่อน รับประทานคู่กันเกิดความมันได้รสสัมผัสในการเคี้ยวที่หนึบนุ่ม จานหลักต่อมาเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาด แกงตูมี้ปลากะพง เนื้อปลาสดหมักและเคี่ยวกับเครื่องแกงข้น เสิร์ฟพร้อมเปาล้างหรือข้าวเหนียวปิ้งไส้น้ำพริกปลาชิ้งช้าง ตามด้วยหมูฮ้องชิ้นโตกับหมั่นโถไรซ์เบอรี่ เคียงด้วยยำผักกูดกุ้งเสียบ ตัดรสเลี่ยนของหมูฮ้อง ทุกจานเสิร์ฟคู่ไวน์ที่คัดสรรและจับคู่มาอย่างดี จบด้วยของหวานล้างปาก ตูโบ้ในมะพร้าวอ่อน หรือ รังนกตูโบ้มะพร้าวอ่อน อิ่มอร่อยครบรส
“เสน่ห์ของอาหารเพอรานากันภูเก็ตคือรสชาติที่มีชีวิตชีวา มีสีสัน มีความหลากหลาย เพราะเป็นอาหารที่ผสมผสานจากหลายวัฒนธรรม บลูเอเลเฟ่นท์ให้ความสำคัญกับการต่อยอดอาหารพื้นเมือง สร้างสรรค์เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ เมนูที่แปลกใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่ในเซตที่นำเสนอ แต่ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น อาโป๊งคั่วกลิ้ง ตับห่านซอสมะขาม และเมนูอื่นๆ ที่เราครีเอทออกมานำเสนอในโอกาสต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักอาหารพื้นเมืองภูเก็ตมากขึ้น อาหารพื้นเมืองภูเก็ตนั้นรสชาติดีอยู่แล้ว ถ้าเชฟสมัยใหม่ได้นำเทคนิค เครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คนรุ่นเก่าอาจจะเรียนรู้เทคนิคจากคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ซึมซับสูตรหรือรสชาติจากคนรุ่นเก่า ก็จะเกิดมิติใหม่ของอาหารพื้นเมืองภูเก็ตอย่างไม่สิ้นสุด เกิดการต่อยอดอย่างสร้างสรรค์สมกับที่ภูเก็ตได้รับการยกย่องเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารในระดับโลก” เชฟนูรอกล่าวทิ้งท้าย
http://www.blueelephant.com/phuket/
https://www.facebook.com/BlueElephantPhuket/